Pages

Friday, June 4, 2010

ความเสียหายที่ Claim/เคลม ไม่ได้


19 พ.ค.2553 ตั้งแต่เวลา 05.30 น. ได้ถูกบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์ของ การเมืองไทย(ที่แสนจะรุ่มร้อน และ รุนแรง) จากการสลายการชุมนุม(คนเสื้อแดง) และ การตอบโต้กลับโดยฉับพลันของกลุ่มผู้ชุมนุมที่โกรธแค้น ภายในช่วงเย็นของวันเดียวกัน 27 สถานที่ในเขต กรุงเทพมหานครฯ วันนั้น ผมก็ได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในสถานการณ์อันครุกรุ่นตั้งแต่ เวลา 06.30 น.ข่างที่รายงานผ่านสถานีโทรทัศน์หลาย ๆช่อง เฮลิคอปเตอร์ที่บินอยู่เหนือท้องฟ้า ย่านราชประสงค์ กลุ่มควันไฟที่คละคลุ้งอยู่บนท้องฟ้าในกรุงเทพมหานคร(เมืองฟ้าอมร ของไทย กลายเป็น เมือง ฟ้าหมอง โดยฉับพลัน) บรรยากาศของสงครามกลางเมืองได้เกิดขึ้นในประเทศไทยเราเข้าแล้ว ประชากรเมืองหลวง เมืองซึ่งน่าจะมีระบบการดูแลรักษาความมั่นคงที่ดีที่สุด กลับกลายเป็นดินแดนแห่งสนามรบ ทั้งสนามรบในสภา และ สนามรบในสงคราม ยามค่ำคืนผู้คนก็ต้องปิดบ้านเงียบ ฟืนไฟไม่มีใช้ ระบบสาธารณูปโภคล้มหมด ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาก่อนในช่วงอายุที่ผมลืมตาขึ้นมาดูโลก เคยเกิดรัฐประหารมาแล้วหลายรอบ เคยมีการเผาก็มาแล้วหลายอาคาร แต่ไม่ลุกลาม และบานปลาย หน่วยงานราชการที่ เป็นทั้งทหาร และ ตำรวจสามารถใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดต่อผู้ทำลายทรัพย์สินทั้งของราชการ และ เอกชนได้อย่างเฉียบขาด และเบ็ดเสร็จถึงแม้จะตามมาด้วยเสียงก่นด่า จากสื่อสิ่งพิมพ์ตามหลังมาบ้างหลังเหตุการณ์กลับเข้าสู่ความสงบ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ หน่วยงานราชการณ์ที่เป็นผู้ดูแลความสงบเรียบร้อย กลับปล่อยปละละเลยจนเกิดความเสียหายไปทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร นี้ ผมไม่ได้ว่ากล่าวหน่วยงานราชการที่กำกับดูแลความสงบความเรียบร้อยของบ้านเมืองแต่อย่างไร แต่เป็นข้อแนะนำว่า สมมติว่า เรา(คนไทย) อยู่บ้านหลังเดียวกัน(ประเทศไทย) ทะเลาะกันในบ้านของเราเอง มีปากเสียงกันเองภายในบ้าน เราก็ควรจะมีสิทธิ์ที่จะจัดการปัญหากันเองภายในบ้านของเรา ไม่ใช่กลัวว่า เพื่อนบ้าน(องค์การ,สามาคม ต่าง ๆ นอกประเทศ ที่จ้องจะเข้ามาเก็บส่วยค่าคุ้มครอง) จะว่า จะหาว่าไม่ดี มันเป็นสิทธิ์ของเรา(คนไทย) 100 % ทั้งในแง่ พฤตินัย และ เนตินัย ครับ เรา(คนไทย) ตีกันเอง ลงโทษกันเอง ดีกว่าไปให้พวกเพื่อนบ้าน(คนต่างชาติ) มาตัดสินโทษเรา มันดูไม่ถูกกาละเทศะ ยกเว้นว่าเราไปพาลใส่เพื่อนบ้านก็ว่าไปอย่าง นี่คือความเสียหายสูงสุด นอกจากทรัพย์สิน และ ชีวิตผู้คนที่สูญเสียไป เพราะเราจ่ายค่า สินไหม ตอบแทนเป็นตัวเงินได้ แต่ เราสูญเสีย ความเป็นตัวของตัวเอง คอยให้เพื่อนบ้าน(คนต่างชาติ)มากำหนด ภาพลักษณ์ของบ้านเรา(ประเทศไทย)ว่าต้องทำแบบนั้นน๊ะ ต้องทำแบบนี้น๊ะ เดี๋ยวองค์กรนั้น สมาคมนั้น จะตำหนิติเตียนจากการใช้กำลังน๊ะ เดี๋ยวโน้น เดี๋ยวนี่ ๆๆๆ คนในบ้านทำผิด เผาโน่น เผานี่ ทำลายไอ้นั่น ทำลายไอ้นี่ เรา(รัฐบาล ตอนนั้น) ก็มีสิทธิ์ที่จะทำโทษ ได้อย่างถูกต้องทำนองครองธรรม ถึงแม้ว่าตอนจบจะถูกประณาม อย่างไรเราก็ต้องยอมรับโดยยืดอก ไม่ใช่กลัวว่าทำไปแล้ว เกิดเลือกตั้งใหม่ จะไม่ได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้ง ในประเทศประชาธิปไตยทุกประเทศการออกมาแสดงความคิดเห็นไม่พอใจกันในที่สาธารณะเป็นเรื่องชอบธรรมครับ แต่การทำลายทรัพย์สิน ทั้งของราชการหรือเอกชน ถึงไม่ต้องจบปริญญาเอก แค่เด็ก ปวช.(ลูกสาวผม)ก็ดูออกครับ ว่าผิดกฎหมายแน่นอนและต้องดำเนิน คดีจนถึงที่สุด(ไม่ว่า ฝั่งไหนเป็นคนทำมีความผิดเท่ากัน) ต้องไม่เลือกฝั่งทำโทษ ทุกเรื่อง ทุกโทษ ทุก ข้อหา แต่ละคนก็ต้องโดนกันทั่วหน้า ถึงจะเรียกว่า ประชาธิปไตยโดยชอบธรรม นี่คือ ความเห็นน๊ะครับไม่ใช่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะถ้าประเทศชาติ สูญหาย เรา(คนไทย)ทุกคน ก็เป็นผู้ลี้ภัย(เรฟฟูจี/Refuge)โดยทั่วกันทุกท่านทุกคน เทอญ........สวัสดี

No comments: